แชร์

ภาวะทุพโภชนาการ ภัยเงียบที่อาจพรากสุขภาพผู้สูงอายุโดยไม่รู้ตัว

อัพเดทล่าสุด: 26 พ.ค. 2025
50 ผู้เข้าชม

ภาวะทุพโภชนาการ ภัยเงียบที่อาจพรากสุขภาพผู้สูงอายุโดยไม่รู้ตัว

ในวัยสูงอายุ ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านกายภาพและเมตาบอลิซึมอย่างมาก  ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อที่ลดลง ระบบย่อยอาหารที่ทำงานช้าลง หรือความสามารถในการดูดซึมสารอาหารที่เสื่อมถอยลง หนึ่งในภัยเงียบที่มักถูกมองข้ามคือ ภาวะทุพโภชนาการในผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายแต่ยากที่จะสังเกตเห็น และอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายด้าน ทั้งด้านพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวัน การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ไปจนถึงความสามารถในการฟื้นตัวจากโรคภัยต่างๆ หากไม่ได้รับการดูแลหรือสังเกตอย่างใกล้ชิด ก็อาจเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงโดยไม่รู้ตัว

1. ภาวะทุพโภชนาการคืออะไร

2. ทำไมผู้สูงอายุจึงเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ

3. สัญญาณเตือนภาวะทุพโภชนาการในผู้สูงอายุ

4. ผลกระทบของภาวะทุพโภชนาการในผู้สูงอายุ

5. แนวทางป้องกันและดูแลโภชนาการผู้สูงอายุ

6. ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดี

ภาวะทุพโภชนาการคืออะไร

ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) คือ ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารน้อยเกินไป หรือได้รับสารอาหารบางอย่างมากเกินไปจนไม่สมดุล ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย เช่น พลังงานลดลง ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือแผลหายช้า โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ร่างกายมีความต้องการสารอาหารที่เหมาะสมมากขึ้น เพราะระบบต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มทำงานช้าลง การดูดซึมสารอาหารก็ลดลง ทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารได้ง่ายกว่าคนวัยอื่น ๆ

ทำไมผู้สูงอายุจึงเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ

1.ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง

เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะเริ่มทำงานช้าลง โดยเฉพาะระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร ซึ่งมีหน้าที่เปลี่ยนอาหารที่กินเข้าไปให้กลายเป็นพลังงานและสารอาหารที่ร่างกายนำไปใช้ได้ เมื่อระบบนี้ทำงานไม่ดีเท่าเดิม แม้จะกินอาหารในปริมาณเท่าเดิม ร่างกายก็อาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดภาวะทุพโภชนาการได้ง่าย

2.การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และจิตใจ

ผู้สูงอายุบางคนอาจเผชิญกับภาวะซึมเศร้า ความเหงา หรือความเครียดจากการสูญเสียคนใกล้ชิด หรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การเกษียณอายุหรือการอยู่คนเดียวมากขึ้น สภาพจิตใจเหล่านี้ส่งผลต่อพฤติกรรมการกิน ทำให้ความอยากอาหารลดลง จึงกินได้น้อยกว่าปกติ และนำไปสู่ภาวะทุพโภชนาการในที่สุด

3.ปัญหาสุขภาพในช่องปาก

เมื่ออายุมากขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก เช่น ฟันหลุด ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือการใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดี อาจทำให้ผู้สูงอายุเคี้ยวอาหารได้ยาก ส่งผลให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีประโยชน์แต่เคี้ยวยาก เช่น ผักสด เนื้อสัตว์ หรือธัญพืช ซึ่งล้วนเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญ การกินอาหารได้น้อยลงจากปัญหานี้จึงเพิ่มโอกาสเกิดภาวะทุพโภชนาการ

4.โรคประจำตัวและยารักษาโรค

โรคเรื้อรังที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคไต อาจส่งผลกระทบต่อการกินและการดูดซึมสารอาหาร นอกจากนี้ ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาลดความดันหรือยาปฏิชีวนะ อาจมีผลข้างเคียงทำให้เบื่ออาหาร คลื่นไส้ หรือมีรสขมในปาก ทำให้ไม่อยากกินอาหารและได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

สัญญาณเตือนภาวะทุพโภชนาการในผู้สูงอายุ

  • น้ำหนักลดลงโดยไม่รู้สาเหตุ เช่น ไม่ได้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแต่กลับผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
  • รู้สึกเหนื่อยง่าย แม้จะทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินหรือทำงานบ้านก็รู้สึกหมดแรง
  • ผิวหนังแห้ง ลอก หรือมีแผลที่หายช้ากว่าปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าร่างกายอาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
  • สมาธิสั้นลงหรือจำสิ่งต่าง ๆ ได้น้อยลง เช่น ลืมชื่อคนใกล้ชิด หรือลืมว่ากินข้าวไปแล้วหรือยัง
  • ไม่มีแรงจูงใจหรือความสนใจทำสิ่งที่เคยชอบ เช่น ไม่อยากพบปะผู้คนหรือไม่สนุกกับกิจกรรมที่เคยทำเป็นประจำ

หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อหาสาเหตุและแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม

ผลกระทบของภาวะทุพโภชนาการในผู้สูงอายุ

เมื่อร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ ย่อมส่งผลกระทบในหลายมิติ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันและระบบการฟื้นฟูตัวเองลดลง การละเลยภาวะทุพโภชนาการอาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงได้ ดังนี้

1.ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ผู้สูงอายุที่ขาดสารอาหารมักมีภูมิคุ้มกันต่ำลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายและหายช้ากว่าปกติ เช่น ปอดอักเสบ หรือแผลติดเชื้อ

2.กล้ามเนื้อลีบ และการเคลื่อนไหวลดลง

โปรตีนไม่เพียงพอทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลง ส่งผลต่อความสามารถในการเคลื่อนไหว เสี่ยงต่อการหกล้มและกระดูกหัก

3.สมองเสื่อมและภาวะซึมเศร้า

การขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด อาจส่งผลต่อระบบประสาทและสมอง ทำให้เกิดภาวะความจำเสื่อม หรืออารมณ์แปรปรวน

4.การฟื้นตัวจากโรคช้าลง

ร่างกายที่ขาดสารอาหารจะซ่อมแซมตัวเองได้ช้ากว่าปกติ ทำให้ต้องพักรักษาตัวนานขึ้น และมีความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนสูงขึ้น

แนวทางป้องกันและดูแลโภชนาการผู้สูงอายุ

1.จัดอาหารให้ครบ 5 หมู่และเหมาะสม

สำหรับการเลือกอาหารให้ผู้สูงอายุควรเลือกที่ให้สารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ในแต่ละวัน โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีน เช่น ปลา ไข่ ถั่ว เต้าหู้ ซึ่งช่วยในการซ่อมแซมร่างกาย และควรเสริมด้วยผักและผลไม้ที่มีวิตามินสูง รวมถึงธัญพืชที่ย่อยง่าย เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารที่เพียงพอ

2.เพิ่มมื้อว่างเพื่อเสริมพลังงาน

นอกจากอาหารหลัก 3 มื้อแล้ว อาจแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ อีก 12 มื้อ เช่น มื้อเช้ากับมื้อกลางวัน หรือมื้อบ่ายกับมื้อเย็น เพื่อช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกอิ่มเกินไป และสามารถกินได้บ่อยขึ้น ส่งผลให้ได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่อง

3.ตรวจสุขภาพช่องปากสม่ำเสมอ

การตรวจช่องปากเป็นประจำจะช่วยให้รู้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือฟันปลอมหลวม ซึ่งอาจทำให้เคี้ยวอาหารได้ยาก หากแก้ไขได้ทันจะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถกินอาหารได้ดีขึ้น

4.สนับสนุนสุขภาพจิตใจ

ควรพูดคุยอย่างเข้าใจและใส่ใจกับความรู้สึกของผู้สูงอายุ รวมถึงชวนทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น เช่น เดินเล่น ทำอาหาร หรือทำงานฝีมือ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่า มีความสุข และมีแรงจูงใจในการกินอาหารมากขึ้น

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดี

หากครอบครัวไม่สามารถดูแลเรื่องอาหารของผู้สูงอายุได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะภาระงาน เวลาที่จำกัด หรือขาดความรู้เรื่องโภชนาการ การใช้บริการจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีนักโภชนาการคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะมีการจัดอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอในแต่ละมื้อแล้ว ยังมีการติดตามสุขภาพของผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรง ป้องกันภาวะขาดสารอาหาร และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว

"ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บ้านหมอ" เราพร้อมดูแลทั้งด้านโภชนาการและสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุหลีกเลี่ยงภาวะทุพโภชนาการ และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างแข็งแรงและมีความสุขในทุกวันอีกครั้ง


บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้ป่วยติดเตียง ภาวะที่สามารถป้องกันได้ หากดูแลอย่างถูกต้อง
ดูแลอย่างถูกต้อง เรียนรู้สาเหตุ วิธีป้องกัน และแนวทางฟื้นฟู เพื่อไม่ให้เกิดภาวะผู้ป่วยติดเตียง สาระความรู้ดีๆจาก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บ้านหมอ
โรคฉี่หนู ภัยเงียบหน้าฝนที่ผู้สูงอายุไม่ควรมองข้าม
โรคฉี่หนูอาจดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่สำหรับผู้สูงอายุแล้วอาจถึงชีวิตได้ การรู้เท่าทัน อาการ และวิธีป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพของตนเองและคนที่คุณรักในช่วงหน้าฝน
เรื่องปัสสาวะของผู้สูงอายุ ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมวิธีดูแลอย่างเข้าใจ
แม้ปัญหาปัสสาวะในผู้สูงอายุจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากการเสื่อมของร่างกาย แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy