เรื่องปัสสาวะของผู้สูงอายุ ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมวิธีดูแลอย่างเข้าใจ
ทำไมเรื่องปัสสาวะจึงเป็นเรื่องใหญ่ของผู้สูงอายุ
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ระบบต่างๆ ในร่างกายย่อมเสื่อมถอยตามธรรมชาติ หนึ่งในปัญหาสำคัญที่พบได้บ่อย คือ "ระบบทางเดินปัสสาวะ" ปัญหาเกี่ยวกับปัสสาวะของผู้สูงอายุ เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ นอนไม่หลับจากการลุกเข้าห้องน้ำกลางดึก เสี่ยงต่อการลื่นล้ม หรือแม้แต่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ กลายเป็นสิ่งที่พบได้บ่อย และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวแก่ผู้สูงอายุ
- ปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
- สาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุมีปัญหาปัสสาวะ
- ผลกระทบที่อาจเกิดจากการละเลยปัญหาปัสสาวะในผู้สูงอายุ
- วิธีดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องปัสสาวะอย่างเข้าใจ
- ทางเลือกทางการแพทย์ที่ช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะผิดปกติ
- ปัสสาวะของผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องเล็ก
ปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
1.ปัสสาวะบ่อยในเวลากลางคืน (Nocturia)
ผู้สูงอายุหลายคนต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งในตอนกลางคืน ทำให้นอนหลับไม่ต่อเนื่อง ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลียในตอนเช้า และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการลื่นล้มระหว่างเดินเข้าห้องน้ำในความมืด
2.กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary Incontinence)
ปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย มักมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง ระบบประสาททำงานผิดปกติ หรือเกิดจากผลข้างเคียงของโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการควบคุมการขับถ่าย
3.ปัสสาวะไม่สุด หรือเบ่งนาน (Urinary Retention)
ผู้สูงอายุบางรายรู้สึกว่าปัสสาวะไม่สุด ต้องใช้เวลาเบ่งนาน หรือมีความรู้สึกปวดบ่อย ๆ แม้จะเพิ่งปัสสาวะไปไม่นาน สาเหตุอาจเกิดจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะที่อ่อนแรง หรือมีสิ่งกีดขวาง เช่น ต่อมลูกหมากโตในเพศชาย หรือภาวะหย่อนของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานในเพศหญิง
4.การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection - UTI)
พบได้บ่อยในผู้หญิงสูงวัย เนื่องจากทางเดินปัสสาวะที่สั้น และภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นผิดปกติ ปวดท้องน้อย หรือมีไข้ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจลุกลามเป็นการติดเชื้อที่ไตได้
สาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุมีปัญหาปัสสาวะ
1.กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเสื่อม
เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้อหูรูดที่ควบคุมการขับถ่ายมักจะอ่อนแรงลง ทำให้การกลั้นปัสสาวะเป็นไปได้ยากขึ้น ส่งผลให้มีอาการปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นไม่อยู่
2.ภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกิน
กระเพาะปัสสาวะเกิดการบีบตัวถี่และแรงเกินกว่าปกติ แม้จะมีปริมาณปัสสาวะเพียงเล็กน้อยก็ทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย และมีความรู้สึกปวดปัสสาวะเฉียบพลันจนกลั้นไม่ไหว
3.โรคประจำตัวที่มีผลต่อระบบประสาท
เช่น เบาหวาน หรือโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ซึ่งสามารถส่งผลต่อการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมการขับถ่าย ทำให้ความสามารถในการควบคุมปัสสาวะลดลง หรือมีปัญหาในการรู้สึกถึงความต้องการขับถ่าย
4.ต่อมลูกหมากโต (ในผู้ชาย)
ผู้สูงอายุเพศชายมักเผชิญกับภาวะต่อมลูกหมากโต ซึ่งจะไปกดทับท่อปัสสาวะ ทำให้มีอาการปัสสาวะขัด ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน หรือรู้สึกปัสสาวะไม่สุด
5.ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยานอนหลับ หรือยารักษาโรคซึมเศร้าบางประเภท อาจส่งผลต่อกลไกการขับถ่ายปัสสาวะ ทำให้เกิดปัญหาควบคุมปัสสาวะหรือรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
ผลกระทบที่อาจเกิดจากการละเลยปัญหาปัสสาวะในผู้สูงอายุ
แม้อาการเหล่านี้อาจดูไม่ร้ายแรงในช่วงแรก แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น
1.การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง
ปัสสาวะที่ค้างในกระเพาะปัสสาวะเป็นเวลานานหรือการกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
2.ภาวะขาดน้ำ
ผู้สูงอายุบางรายหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเพราะกลัวปวดบ่อย ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยรวม
3.นอนไม่หลับและอ่อนเพลียในตอนกลางวัน
การต้องตื่นมาปัสสาวะะบ่อยในเวลากลางคืนรบกวนคุณภาพการนอน ส่งผลต่อสมอง อารมณ์ และความจำ
4.เสี่ยงลื่นล้มในห้องน้ำ โดยเฉพาะเวลากลางคืน
ปัญหาการลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึกเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุลื่นล้ม ซึ่งอาจนำไปสู่กระดูกหักหรือการเคลื่อนไหวที่ยากลำบาก
5.ส่งผลต่อสภาพจิตใจ
ผู้สูงอายุที่มีปัญหาควบคุมปัสสาวะอาจรู้สึกไม่มั่นใจ หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม และนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าในที่สุด
วิธีดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องปัสสาวะอย่างเข้าใจ
1.หมั่นสังเกตพฤติกรรมการขับถ่าย บันทึกความถี่ สี ลักษณะ และปริมาณของปัสสาวะ เพื่อให้แพทย์ใช้ประกอบการวินิจฉัย
2.พาไปพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น ปัสสาวะบ่อยเกิน 8 ครั้ง/วัน,ปัสสาวะไม่สุด, หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ
3.ปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำ ให้ดื่มน้ำในช่วงกลางวันให้เพียงพอ และลดปริมาณน้ำก่อนเข้านอน 1-2 ชั่วโมง
4.จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น ติดไฟสลัวทางเดินไปห้องน้ำ, ใช้ราวจับ, เลือกใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุหากจำเป็น
5.ปรึกษาแพทย์เรื่องการออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ใช้ควบคุมการปัสสาวะ
ทางเลือกทางการแพทย์ที่ช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะผิดปกติ
2.การทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน การออกกำลังกายเฉพาะจุด สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้ควบคุมการขับถ่ายได้ดีขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการปัสสาวะเล็ด
3.การผ่าตัด ในกรณีที่มีภาวะต่อมลูกหมากโตมาก การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่จำเป็น หรือในกรณีที่กระเพาะปัสสาวะหย่อนรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมปัสสาวะได้ แพทย์จะพิจารณาแนวทางการผ่าตัดร่วมกับผู้ป่วยและครอบครัว
4.การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดอุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน เช่น:
- ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ชนิดซึมซับพิเศษ สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- เครื่องเตือนเวลาปัสสาวะ เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ ลดการกลั้นปัสสาวะเกินไป
- ราวจับและพื้นกันลื่นในห้องน้ำ เพื่อป้องกันการลื่นล้ม
ปัสสาวะของผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องเล็ก
แม้ปัญหาปัสสาวะในผู้สูงอายุจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากการเสื่อมของร่างกาย แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้น การปรึกษาแพทย์ การรับมืออย่างเหมาะสม และการใช้เครื่องมือหรือเทคนิคเสริมต่าง ๆ จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ผู้สูงอายุยังสามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุก ๆ วัน
หากพบว่าผู้สูงอายุในบ้านเริ่มมีพฤติกรรมปัสสาวะผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง และรับการรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ไม่กลั้นปัสสาวะดื่มน้ำให้เพียงพอ และเลือกใช้ห้องน้ำที่ปลอดภัย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกช่วงวัย