ผู้สูงอายุ “ลุกก็เจ็บ เดินก็ปวด” อาจเป็นโรคกระดูกพรุน
ผู้สูงอายุ ลุกก็เจ็บ เดินก็ปวด อาจไม่ใช่แค่เหนื่อยแต่เป็นโรคกระดูกพรุน
เมื่ออายุมากขึ้น หลายคนอาจเริ่มมีอาการลุกยืนลำบาก เจ็บตามข้อ หรือปวดหลังบ่อย ๆ ซึ่งอาจมองว่าเป็นแค่อาการล้า แต่ความจริงแล้ว อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ โรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยตรง หากปล่อยไว้โดยไม่รับการดูแล อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อกระดูกหักและการเคลื่อนไหวที่ยากลำบาก
2. อาการโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
3. ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
4. วิธีป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
โรคกระดูกพรุนคืออะไร
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นภาวะที่กระดูกบางลงและเปราะมากขึ้น เพราะความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการหักง่าย แม้จะเกิดจากกิจกรรมเล็กน้อย เช่น ลื่นล้ม หรือแม้แต่การจามแรง ๆ ก็อาจก่อให้เกิดกระดูกหักได้ โรคนี้เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญทางสุขภาพของผู้สูงอายุ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น
ในผู้สูงอายุ โรคกระดูกพรุนมักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนในช่วงเริ่มต้น ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก แต่เมื่อโรคดำเนินไปสู่ระยะที่รุนแรงมากขึ้น จะเริ่มแสดงอาการต่าง ๆ เช่น อาการปวดหลังเรื้อรัง หลังค่อม ความสูงลดลง และความยากลำบากในการลุก นั่ง หรือเดิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวันอย่างมาก หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น กระดูกหักสะโพกที่ต้องพักฟื้นนานและมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
อาการโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
แม้ว่าโรคกระดูกพรุนจะเป็น ภัยเงียบ เนื่องจากในระยะแรกมักไม่แสดงอาการอย่างชัดเจน แต่เมื่อโรคดำเนินไปจนถึงระดับหนึ่ง จะสามารถสังเกตเห็นอาการบางอย่างที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบกระดูกได้ เช่น:
- ปวดหลังเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณบั้นเอว
- หลังค่อมหรือความสูงลดลง
- เจ็บเมื่อเดิน ยืน หรือลุกจากที่นั่ง
- กระดูกหักง่าย แม้ได้รับแรงกระแทกเพียงเล็กน้อย
หากผู้สูงอายุในครอบครัวเริ่มมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อเข้ารับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องและทันเวลา โดยการเอกซเรย์วัดมวลกระดูก (Bone Mineral Density: BMD) จะช่วยยืนยันภาวะโรคกระดูกพรุนได้อย่างแม่นยำ และเป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผนการรักษาหรือการป้องกันที่เหมาะสม
ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
โรคกระดูกพรุน เป็นภาวะทางโครงสร้างกระดูกที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยเสี่ยงมีดังนี้:
- อายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากการสลายมวลกระดูกมีอัตราเร็วขึ้น
- เพศหญิงในวัยหมดประจำเดือน ซึ่งฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลต่อการลดความหนาแน่นของกระดูก
- การได้รับแคลเซียมหรือวิตามินดีไม่เพียงพอ ส่งผลต่อการสร้างและคงสภาพมวลกระดูก
- การไม่มีกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลต่อการกระตุ้นการสร้างมวลกระดูกใหม่
- การบริโภคสารเสพติด เช่น บุหรี่และแอลกอฮอล์ ซึ่งส่งผลรบกวนกระบวนการเผาผลาญแคลเซียม
- พันธุกรรมหรือประวัติครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในเชิงชีวภาพ
วิธีป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
แม้โรคกระดูกพรุนจะเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้:
- รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว
- เสริมวิตามินดี โดยการตากแดดยามเช้า 1520 นาที/วัน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน ยืดเหยียด โยคะ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์
- ตรวจมวลกระดูกเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัว
- เลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีโปรแกรมฟื้นฟูและดูแลโภชนาการอย่างเหมาะสม
อาการลุกก็เจ็บ เดินก็ปวด ในผู้สูงอายุ อาจไม่ใช่เพียงแค่อาการเมื่อยล้าหรือความเสื่อมตามวัยทั่วไป แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของ โรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นภาวะที่หลายคนมองข้าม การเจ็บปวดเล็กน้อยที่เกิดซ้ำ ๆ อาจบ่งชี้ถึงความเปราะบางของกระดูกที่ไม่สามารถรับแรงกระแทกได้อย่างที่เคย หากละเลย อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น กระดูกหัก การเคลื่อนไหวที่ยากลำบาก และคุณภาพชีวิตที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ
การรู้เท่าทันและเข้าใจโรคกระดูกพรุนตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงการป้องกันด้วยโภชนาการที่เหมาะสม การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการรับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงอายุมีชีวิตวัยเกษียณที่แข็งแรง คล่องตัว และมีความสุขอย่างยั่งยืน
หากคุณกำลังมองหา ศูนย์ฟื้นฟูผู้สูงอายุที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานในย่านโชคชัย 4 "ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านหมอ" พร้อมเป็นทางเลือกที่คุณวางใจได้ เพราะเราใส่ใจเหมือนคนในครอบครัว